การสั่งซื้อสินค้า

หากสนใจกรุณาติดต่อได้ทางเบอร์โทรศัพท์

เพื่อบอกหมายเลขรหัสสินค้า

และเพื่อรับรายละเอียดการชำระเงิน

ขอบคุณค่ะที่อุดหนุน นะค๊ะ

ขอให้ใส่เสื้อผ้าชุดอะไรก็สวยๆๆน่ารัก ทู๊กคนเลยนะค่ะ




วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การลบรอยเปื้อนบนเสื้อผ้า

เครื่องดื่ม  -->  แช่น้ำเย็นก่อนแล้วนำไปซักในน้ำสบู่อุ่น
เลือด  -->  แช่ในน้ำสบู่อุ่นแล้งจึงนำไปซักตามปกติ
เทียนไข   --> ขูดเทียนไขออก วางผ้าเช็ดตัวใต้รอยเปื้อน เทน้ำยาซักแห้งลงบนรอยเปื้อนหลายๆครั้ง ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วจึงนำไปซัก
หมากฝรั่ง  --> ขูดหมากฝรั่งออก แช่ผ้าส่วนที่เป็นรอยเปื้อน ในน้ำยาซักแห้ง แล้วจึงซัก
กาแฟหรือช็อคโกแลต   --> แช่ในน้ำสบู่อุ่น แล้วค่อยซัก
ยากำจัดกลิ่นตัว   --> ซักในน้ำสบูาอ่นและใช้น้ำร้อน
ผลไม้   --> แช่ในน้ำสบู่แล้วค่อยซัก
หญ้า   --> แช่ในน้ำสบู่แล้วซัก
น้ำมัน   --> วางผ้าเช็ดตัวใต้รอยเปื้อน เทน้ำยาซักแห้ง ลงบนรอยเปื้อนแล้วจึงนำไปซักในน้ำร้อน
น้ำหมึก   --> เทน้ำลงบนรอยเปื้อนหลายๆครั้ง แล้วนำไปแช่น้ำสบู่ผสมน้ำส้มสายชู ล้างน้ำออกแล้วจึงนำไปซัก
หมึกแห้ง   --> วางกระดาษซับใต้รอยเปื้อน หยดน้ำยาซักแห้งลงบนรอยเปื้อน แล้วนำไปแช่ในน้ำสบู่อุ่น ล้างด้วยน้ำเย็น ใช้สารฟอกขาวอย่างอ่อนแล้วจึงนำไปซัก
ลิปสติก   --> กลับด้านในออก วางรอยเปื้อนลงบนผ้าเช็ดตัว หยดน้ำยาซักแห้งลงไป จนลิปสติกละลาย ทิ้งให้แห้งแล้วซัก ในน้ำสบู่อุ่น
สนิม   -->  ใช้น้ำยากำจัดสนิมแล้วค่อยนำไปซัก
สี   --> ใช้ฟองน้ำชุบทินเนอร์ถูสีออกนำไปแช่ในน้ำสบู่ แล้วค่อยนำไปซัก
ยาขัดรองเท้า   --> ใช้ฟองน้ำชุบแอลกอฮอล์ถูรอยเปื้อน ซักในน้ำสบู่ ร้อน
ชา   --> ซักฟอกขาว
นมหรือไอศครีม   --> แช่ในน้ำสบู่อุ่น แล้วนำไปซัก
โคลน   --> ปล่อยให้โคลนแห้งแล้วปัดโคลนออกให้หมด แล้วจึงนำไปซัก
น้ำหอม   --> ซักทันทีในน้ำสบู่ร้อน

การแต่งกายที่ดี

คือผู้ที่สามารถแต่งกายให้เหมาะกับรูปร่าง บุคลิกลักษณะ วัย ผิว โอกาส สถานที่ กิจกรรม ดินฟ้าอากาศ โดยไม่สิ้นเปลืองเงินทองฟุ่มเฟือยจนเกินกำลังทรัพย์ของตน ก่อนอื่นต้องพิจารณาถึงรูปร่างของตัว เองว่าเป็นคนที่มีสัดส่วนที่ดีหรือเปล่า มีส่วนใดตรงไหนที่สวย ควรจะส่งเสริมให้สวยสะดุดตาตรงนั้น เช่น มีลำคอสวย ก็ควรใส่เสื้อเปิดคอ ตกแต่งบริเวณคอให้สวยกว่าที่อื่น หรือมีส่วนที่บกพร่องตรงไหนก็ควร พราง ไม่ให้เป็นที่สนใจตรงนั้น เช่น อกเล็กไม่สวมเสื้อแนบ ควรเลือกแบบที่มีจีบพองบริเวณหน้าอก เป็นต้น
การแต่งกายนอกจากจะแต่งให้เหมาะกับรูปร่าง แบบ บุคลิกลักษณะ ยังต้องให้เหมาะกับโอกาส สถานที่ กิจกรรมและดินฟ้าอากาศด้วย เช่น เราคงไม่ใช้ชุดราตรีมาทำงาน หรือใส่ชุดอาบน้ำเดินตามถนนหรือใส่เสื้อคอ กว้างไปวัด ใส่เสื้อผ้าหนาๆ ในฤดูร้อน เพราะฉะนั้นจะต้องถามตัวเองเสียก่อนว่า
1. งานที่จะไปนั้นใครเป็นผู้จัด เด็กหรือผู้ใหญ่ เป็นงานธรรมดาหรืองานเลี้ยงใหญ่โตแค่ไหน
2. จัดขึ้นเพื่ออะไรหรือเพื่อใคร เช่น บวชนาค แต่งงาน เผาศพ หรือฉลองอัฐิ
3. จัดที่ไหน ไปมาสะดวกหรือไม่ การไปทำบุญที่วัดกับการไปเที่ยวทะเล ย่อมแต่งตัวไม่เหมือนกัน
4. เวลาอะไร เช่น ไปทำบุญ ตักบาตร ไปรับประทานน้ำชา หรือไปในงานราตรีสโมสร
5. เราจะไปในงานนั้นในฐานะอะไร เป็นประธาน ญาติผู้น้อย หรือเพื่อนฝูง
6. เมื่อเราอยู่ในงานจะต้องทำอะไรบ้าง เป้นต้นว่า นั่งพับเพียบฟังเทศน์ หรือนั่งโต๊ะทานเลี้ยง ย่อมใช้เสื้อผ้าที่ต่างกัน
7. ดินฟ้าอากาศเป็นอย่างไร หนาวหรือร้อน ฝนตกเฉอะแฉะหรือไม่ คงไม่มีใครอยากใส่รองเท้าส้นสูงๆ ไปย่ำโคลน หรือใส่ชุดสีขาวซึ่งเห็นรอยสกปรกได้ง่าย

การแต่งกายโดยไม่เปลืองทุนทรัพย์ คือ การเลือกแบบและผ้า พยายามใช้แบบเรียบๆ ซึ่งใช้ได้ในหลายๆ โอกาส และก่อนจะซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ จะต้องคำนึงถึงของเก่าที่มีอยู่แล้วว่า จะไปใช้กับเสื้อ และกางเกงตัวใด เข็มขัด เนคไท รองเท้า ยิ่งใช้ด้วยกันได้มากก็ยิ่งจะช่วยประหยัดเงินได้มากเพราะไม่ต้องซื้อใหม่เมื่อเสร็จแล้วจะต้องรู้จักเก็บรักษา ให้ของนั้นอยู่ในสภาพที่ดีอยู่เสมอ เพื่อความคงทนถาวรไม่ต้องซื้อหาบ่อยๆ

การแต่งกายที่เหมาะสม

การรู้จักแต่งกาย
เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งซึ่งทุกคนควรสนใน ผู้ที่แต่งกายดีไม่จำเป็นต้องมีรูปร่างดี หรือหน้าตาสวยเสมอไป การรู้จักแต่งให้พอเหมาะจะช่วยแก้ไขสิ่งบกพร่องต่างๆ ในรูปร่างให้หมดไปได้ และช่วยส่งเสริมความ งามที่มีอยู่แล้วให้เห็นเด่นชัดยิ่งขึ้น การแต่งกายทุกครั้งควรระวังข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้
1. ความเรียบร้อย ผู้สวมจะรู้สึกไม่สบายใจ และวางกิริยาเป็นปกติไม่ได้เมื่อรู้สึกว่าเสื้อผ้าที่สวมไม่เรียบ ร้อย ควรรู้จักซ่อมแซมให้เสื้อผ้าอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่ปล่อยให้ตะเข็บหรือกระดุมหลุดแล้วใช้เข็ม กลัดที่โน่นที่นี้ไว้ ซึ่งจะทำให้น่ารำคาญตา รำคาญใจ
2. ความสะอาด ควรรักษาความสะอาดทั้งเสื้อชั้นนอกและเสื้อชั้นใน เพราะความสะอาดเป็นรากฐานของ ความงาม ทำให้สบายใจ สบายตา
3. สีของเสื้อผ้า ผู้มีผิวขาวย่อมได้เปรียบ เพราะเลือกแต่งได้ตามความพอใจ ผู้ที่ผิวคล้ำไม่ควรใช้สีจัด มากเกินไป สีปานกลางเหมาะกว่า ผู้ที่สูงอายุควรใช้สีที่เย็นตา เรียบๆ
4. การเลือกใช้สี สีเป็นสิ่งแรกที่เรามองเห็นได้ก่อนอื่น ก่อนแบบและเนื้อผ้า สีมีความสัมพันธ์กับขนาดรูป- ร่างของคน วัย กิจกรรม และแสดงถึงรสนิยมของผู้ใช้ด้วย

การเลือกเครื่องแต่งกายให้มีขนาดเหมาะกับตัวเอง

1. สวมชุดนี้แล้วคุณรู้สึกว่า " เยี่ยม " หรือไม่ ถ้าบอกว่าไม่ จงแขวนคืนที่ หรือถอดคืนร้าน
2. เรามีรองเท้า กระเป๋าถือ หรือเครื่องประดับที่เข้ากับชุดนี้แล้วหรือยัถ้ายังไม่มีคุณพอใจจะเจียดเงิน ซื้อของพวกนั้นได้หรือไม่เพื่อจะได้เข้ากับชุด
3. คุณจะสวมชุดนี้ในโอกาสอื่นได้อีกหรือไม่ เสื้อผ้าบางชุดเป็นการลงทุนราคาแพงสำหรับคุณถ้านึก ภาพตัวเองสวมมันในโอกาสอื่นอีก อย่างน้อยสามโอกาสไม่ได้ ก็ไม่ควรซื้อชุดนั้น
4. สวมแล้วสบายตัวหรือไม่ สิ่งนี้สำคัญมาก แบบเสื้อผ้าอาจเห็นแล้วเตะตาแต่เมื่อสวมเข้าจริงๆอาจ มีการระคายผิวหนัง เพราะเนื้อผ้าการตัดเย็บไม่ดี รั้งตรงนั้น ดึงตรงนี้ซึ่งหากไม่ลองก็ไม่ทราบ บางชุดอาจยาวไปสั้นไป คุณต้งเชื่อความรู้สึกของตังเองอย่านำคำเยินยอของคนขายมาเป็นเครื่อง ตัดสิน รองเท้าที่คับแน่นใส่แล้วบีบ จงคิดว่ามันจะไม่ยืดออก เอวที่เล็กคับไป จะไม่ขยาย อย่าพยา- ยามหลอกตัวเอง ติดใจเพียงเพราะแบบถูกใจ เพราะเมื่อนำมาใช้จริงคุณอาจอยากโยนทิ้งนอกจาก นี้แล้ว การซื้อเพื่อจะต้องไปแก้ใหม่นำไปร่นชายเปลี่ยนกระดุมใหม่ทั้งแผงถ้าคุณเป็นคนใส่ใจกับเรื่อง จุกจิกพวกนี้ก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าป็นคนหาเวลาว่างยาก ต้องวุ่นวายกับมันนัก ก็ตัดปัญหาซื้อชุดที่เรียบร้อย ใช้ได้เลยดีกว่า
5. ถามตัวเองว่า เรามีชุดชั้นในที่เหมาะกับชุดนี้แล้วหรือยังชุดบางชุด ต้องการชั้นในแบบพิเศษ เช่นชุด กลางคืนเปิดไหล่เปิดหลัง ซื้อชุดแล้ว ยังต้องซื้อชั้นในเพิ่ม ถามตัวเองว่ามีเวลาพอ เงินพอหรือไม่
6. อย่ากระหืดกระหอบซื้อเพียงเพราะคุณไม่มีเสื้อผ้าที่จะสวมไปงานผู้หญิงส่วนใหญ่พอจะมีงานขึ้นมาคราว ใดเธอก็จะกระวนกระวายว่าไม่มีชุดสวยสวมไปงาน ( ทั้งที่อาจมีเต็มตู้ แต่ไม่รู้จะเลือกตัวใด )พองานกระชั้น เข้ามา ก็รีบซื้อ รีบเลือก การรีบร้อนลักษณะนี้ ส่วนมากมักไม่ได้ชุดที่ดี บ่อยครั้งใช้ได้ครั้งเดียว หรือพอนำ กลับมาบ้านแล้วไม่ถูกใจ ไปๆมาๆก็เลยเอาชุดเก่าในตู้สวมได้เพราะฉะนั้น เมื่อต้องรีบ ควรถามตัวเองว่า ควรเอาชุดใดที่มีอยู่มาดัดแปลง อาจด้วยการเสริมเครื่องประดับเก๋ๆ สร้อยคอ เข็มขัด ผ้าคลุมไหล่ หรืออื่นๆ

การตัดสินใจซื้อเสื้อผ้า ด้วยการถามคำถาม 6 คำถามนี้ จะเป็น เครื่องช่วยให้การตัดสินใจของคุณมีประสิทธิภาพคุ้มเงินคุ้มราคา ประหยัดเวลาและไม่ต้องเสียความรู้สึกภายหลัง

วิธีดูคุณภาพเสื้อผ้า

1. ตะเข็บเป็นรอยต่อ
- ขอบผ้าทบชายด้านใน ควรเหลือผ้าไว้ประมาณ 5/8 "
- ริมผ้าควรเป็นซิกแซก หรือเก็บริมให้เรียบร้อย
- รอยตะเข็บต้องไม่ยับย่นหรือดึงรั้ง ควรอยู่ในสภาพแบนเรียบเส้นด้ายต้องไม่ขาด
- ตะเข็บด้านนอกควรมีฝีจักรสม่ำเสมอ เส้นด้ายยเรียบตรงไม่หลุดลุ่ย หรืตะเข็บหลวม

2. การเสริมผ้าทั้งด้านในและด้านนอก
- ไม่ควรมีรอยย่น โป่งพอง หรือดึงรั้ง
- ควรเย็บติดลงไปเลย มิใช่แค่เพียงรีดทับ
- ผ้าเสริมด้านนอกควรเดินตะเข็บในด้วย และควรใช้ผ้าเฉลียง

3. การเย็บริม
- ฝีจักรต้องสม่ำสมอ และเดินเป็นแนวตรง
- ตะเข็บไม่ขาดต้องเรียบร้อยไม่รุ่งริ่ง
- แนวตะเข็บควรให้หลวมเล็กน้อย ไม่ดึงรั้งจนเกินไป

4. กระเป๋า
- กระเป๋าตรงไม่เบี้ยวหรือเอียง
- ไม่มีเศษด้ยค้างคาอยู่
- เรียบแบนราบกับตัวเสื้อผ้า

5. กระดุมและรังดุม
- ควรใช้กระดุมที่ทำจากกระดูก หนัง หรือหุ้มผ้า( ไม่ควรใช้กระดุมพลาสติก )
- รังดุมไม่ควรมีเส้นด้ายโผล่ขึ้นมา ดูไม่เรียบร้อย
- รังดุมผ้าควรจะทำให้เรียบตรงไม่บูดเบี้ยวจึงจะดูดี

6. เข็มขัด
- ใช้แต่เข็มขัดหนังหรือสายคาดเอวลายถัก
- อย่าใช้เข็มขัดพลาสติก เข็มขัดสายหนังธรรมดาจะ ดูดีกว่าเข็มขัดพลาสติกมาก

7. เส้นด้าย
- สีของเส้นด้ายต้องกลมกลืนกับเสื้อผ้า
- ไม่ใช้ด้ายพลาสติกใส
- เส้นด้ายควรมีเนื้อด้ายลักษณะคล้ายกับเนื้อผ้า

8. เสื้อแจ็กเกต
- ถ้าเป็นผ้าวูลควรมีลำตัวหลวมเล็กน้อย
- ตะเข็บชายเสื้อควรเป็นแนวตรง
- คอปกควรเป็นแบบแบนเรียบ
- คอปกและบริเวณคอเสื้อควรแนบตัว ไม่โก่งงอ
- ตะเข็บต้องสม่ำเสมอ

9. ผ้า
- การต่อลายผ้าต้องดูกลมกลืน
- ควรเป็นผ้าที่ใช้ใยธรรมชาติ หรือผสมใยธรรมชาติ

เรื่องควรรู้

ดังนั้นเพื่อให้ได้ผ้าตรงกับประโยชน์ใช้สอย  จึงควรเลือกซื้อตามความรู้สึก  จากการสังเกตด้วยตาหรือจากการจับต้องให้ตรงกัน  เช่น  การเลือกซื้อผ้าตัดชุดนอน  ควรเลือกผ้าเนื้ออ่อนนุ่ม  ทนยับ  เป็นต้น
1.  กะปริมาณของผ้าให้พอดีกับงานที่ใช้  ให้เกินได้บ้างเล็กน้อย  แต่อย่าให้ขาดต้องศึกษาและรู้จักความกว้างของหน้าผ้าที่ขายในท้องตลาด  เพื่อจะเปรียบเทียบราคากับจำนวนผ้าที่ซื้อ  เช่น  ผ้าฝ้ายที่ตกแต่งให้มีคุณสมบัติคล้ายลินินหน้ากว้าง  36  นิ้ว  ราคาเมตรละ  80  บาท  ถ้าต้องการตัดกระโปรง  1  ตัว  จะต้องซื้อสองเท่าของความยาวซึ่งราคาอาจแพงกว่าซื้อผ้าอย่างเดียวกัน  แต่หนากว่าเล็กน้อยและกว้าง  60  นิ้ว  เพราะซื้อเพียงเท่าเดียวของความยาว  เป็นต้น
2.  โอกาสใช้สอย  พิจารณาให้เหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอย  และงบประมาณที่มีถ้าหากมีงบประมาณจำกัด  ควรเลือกผ้าที่เป็นกลาง    ไม่แสดงถึงโอกาสใช้สอยให้เห็นเด่นชัด  เช่น  เสื้อคอกลมผ้ากำมะหยี่ไม่เหมาะสมที่จะใช้เวลากลางวัน  ควรใช้ผ้าอื่นที่ไม่จำกัดโอกาสเช่น  ผ้าฝ้ายปนใยสังเคราะห์  หรือผ้าป๊อบปลิน  ซึ่งใช้ได้ทุกโอกาส
3. ความทนทาน เลือกเนื้อผ้าให้เหมาะสมกับระยะเวลาที่จะใช้ผ้าบางชนิดทอเนื้อหลวม  ลุ่ยง่าย  สีซีดเร็วใช้ไม่กี่ครั้งก็เก่า  แม้จะราคาถูกแต่เมื่อเอาจำนวนครั้งที่ใช้หารกับราคาผ้าแล้วมักแพงกว่าผ้าเนื้อดีราคาสูง  ดังนั้นจึงควรเลือกผ้าเนื้อดีและทนทานเพื่อให้ใช้ได้นาน  และเลือกเนื้อผ้าพอใช้ได้สำหรับที่จะใช้เพียงชั่วคราว
4.  ความสบาย  การเลือกซื้อผ้าไม่ควรคิดถึงความสวยเพียงอย่างเดียว  เพราะเสื้อผ้าที่สวยบางชนิดสวมแล้ว  ทำให้รู้สึกไม่สบายกาย  ร้อน  อึดอัด  และเป็นผื่นคันได้  ดังนั้นจึงต้องคำนึงถึงเมื่อตัดสวมใส่แล้วมีความสบายทั้งกายและใจ  สบายกายคือไม่ร้อน  ไม่อึดอัด  ไม่คัน  สบายใจคือไม่กระดากว่าเสื้อผ้าที่สวมอยู่ทำให้คนมองอย่างที่ไม่ต้องการให้มอง  เช่น  สีสัน  และลวดลายแปลกจากธรรมดาไม่เข้ากับลักษณะของผู้สวม
5.  ความสวยงาม  ความเหมาะสมกับรูปร่าง  ผิวพรรณลักษณะ  ท่าทาง และกิริยาของผู้สวมใส่  เช่น  คนที่มีลักษณะอ่อนโยนนุ่มนวล  ควรสวมเสื้อผ้าที่มีลวดลายกระจุ๋มกระจิ๋ม  หรือลวดลายในตัว  ผู้ที่มีข้อบกพร่องบางอย่างในร่างกายควรจะพรางได้ด้วยการสวมเสื้อผ้า  เช่น  สะโพกใหญ่มากไม่ควรเลือกผ้าตัดกระโปรงที่มีสีอ่อนเนื้อบางเบา
9.  ความทันสมัย  ลวดลายผ้าและเนื้อผ้า  ย่อมเป็นที่นิยมกันเป็นช่วงเวลาหนึ่ง  ผ้าชนิดที่มีอยู่ในระยะเวลาอันสั้นเมื่อนำมาตัดเสื้อผ้าก็ใช้ได้ไม่กี่ครั้ง  แม้จะยังดีอยู่ก็ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป  ซึ่งเป็นการใช้เงินไม่คุ้มค่าฉะนั้นควรเลือกใช้ผ้าลวดลายและเนื้อผ้าชนิดที่ใช้ได้นานกว่าผ้าที่ตามสมัยนิยม
  10.  งบประมาณ  แม้จะไม่รู้ราคาผ้า  ก็ควรคิดไว้ก่อนว่าจะเลือกผ้าในวงเงินเท่าใด  ถ้ามีทุนทรัพย์จำกัดควรเลือกผ้าราคาแพงในจำนวนพวกผ้าราคาถูก  อย่าเลือกผ้าราคาถูกในจำพวกผ้าราคาแพง  เช่น  ผ้าฝ้ายมีราคาไม่แตกต่างกันมากนักจากเมตรละ  20  กว่าบาท  ถึง  90  -  100  บาท  ถ้าซื้อผ้าฝ้ายราคา  50  บาท  นับว่าราคาแพงในจำนวนผ้าราคาถูก  ผ้าลูกไม้มีราคาตั้งแต่ยี่สิบกว่าบาทไปจนถึงหลายพันบาท  นับว่าเป็นผ้าที่มีราคาแพงมากถ้าซื้อผ้าลูกไม้ราคาเมตรละ  100  บาท  ถือว่าได้ผ้าราคาถูกในจำนวนผ้าราคาแพง
11.  แหล่งผลิต  ควรพิจารณาเลือกซื้อของที่ผลิตได้ในประเทศเป็นอันดับแรก  และหลีกเลี่ยงการซื้อผ้าที่หาข้อมูลแหล่งผลิตไม่ได้  เพราะผู้ผลิตมักไม่ยอมบอกความจริงทั้ง    ที่ปัจจุบันผ้าแทบทุกชนิดผลิตขึ้นเองในประเทศทั้งนี้เพื่อให้ผู้ซื้อเข้าใจผิดว่าเป็นผ้าที่สั่งมาจากต่างประเทศจึงทำให้ราคาสูง  ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนค่านิยมเสียใหม่  คือ  เลือกซื้อแต่ผ้าที่ผลิตจากภายในประเทศ

การเลือกซื้อผ้าสำหรับสวมใส่

1. เลือกคุณสมบัติของผ้าตามวัตถุประสงค์ที่ต้องใช้ เช่น  เสื้อผ้าใส่ทำงาน
เครื่องแบบนักเรียน  เสื้อผ้าใส่ลำลองอยู่ในบ้าน  เหล่านี้ควรเลือกผ้าที่เหมาะสม  ไม่เทอะทะหรือเบาบางจนเห็นชั้นใน
2. ศึกษาข้อความที่เขียนติดมากับผ้าและริมผ้าอย่างละเอียด  ถ้าหน้าผ้าหรือริมผู้เขียไว้ว่าผ้าฝ้าย  หรือ  Cotton  65  %  หมายความว่าผ้าชิ้นนั้นมีคุณสมบัติของผ้าฝ้ายมากกว่าเทโทรร่อน  ดังนั้นผ้าชิ้นนี้จะสวมใส่สบาย  ไม่ยับมากและรีดแต่น้อย  หรือข้อความเขียนบอกว่าเป็นผ้าเรยอน  100%  ซึ่งหมายความว่าผ้าชิ้นนั้นเป็นผ้าเรยอนล้วน  ซึ่งเมื่อยังใหม่สามารถจับต้องหรือมองดูสวยงามน่าใช้แต่พอนำมาตัดเย็บจะยับมาก  เวลาซักถ้าขยี้ไปมาจะขาด  ทั้งนี้เพราะคุณลักษณะของผ้าเรยอนเป็นเช่นนั้น
3. สังเกตด้วยตาและการจับต้อง ผ้าทอเนื้อดีเส้นด้ายยืนและเส้นด้ายพุ่งจะตัดกันเป็นมุมฉาก  ถ้าเส้นด้ายทั้งสองโย้เย้หรือรวนเป็นผ้าที่คุณภาพต่ำ  หรือด้อยจะตัดเย็บลำบาก  ผ้าที่ทอด้วยมือ  เช่น  ผ้าไหมไทย  ถ้านำมาส่องทวนแสงดูจะมองเห็นฝีมือการทอถี่ห่างไม่เสมอกันเป็นเพราะฟันหวีกระทบด้ายพุ่งไม่เสมอ  แสดงว่าเป็นผ้าที่มีคุณภาพด้อย
            การจับต้องผ้า เช่น กำผ้าเพื่อทดสอบการยับ ถ้ากำแล้วผ้าไม่คลายตัว และคงรอยยับเป็นเส้นอยู่อย่างนั้นแสดงว่าไม่ทนยับและต้องการรีดหรือขยี้ผ้าเพื่อดูว่ามีการเพิ่มเนื้อ เช่น ตกแต่งเนื้อผ้าด้วยการลงแป้งหรือไม่

การเลือกซื้อผ้า

การเลือกซื้อผ้ามีความสำคัญ  เพราะถ้าได้ผ้าที่เหมาะสมกับแบบตัดเหมาะกับบุคลิกของผู้ใช้  สถานที่และโอกาส  ผ้ามีความสำคัญเพราะจะทำให้ผู้สวมใส่ดูดีขึ้นในขณะเดียวกันก็อาจจะทำให้ผู้สวมใส่ดูแย่ลงถึงแม้ว่าผ้านั้นจะราคาแพงก็ตาม  เนื้อผ้าสีของผ้า  ลวดลายผ้าช่วยทำให้เสื้อ  กางเกงและกระโปรงดูมีราคา  ถ้าเลือกแบบได้เหมาะสมกับผ้า  ผสมกับการตัดเย็บด้วยฝีมือประณีต  ชวนให้สวมใส่และใช้ได้นาน  หลายโอกาส  ไม่เบื่อง่าย
แบบตัดบางแบบต้องใช้ผ้าทอเนื้อแน่นอยู่ตัว  แต่บางแบบต้องใช้ผ้าบางเบา
พลิ้ว  ฉะนั้นผู้เริ่มหัดตัดเย็บใหม่    ควรเลือกแบบที่เหมาะสมกับผ้าทอเนื้อแน่นและควรหลีกเลี่ยงผ้าลายทางผ้าตาหมากรุก  เพราะต้องระวังให้ลายต่อกัน  เพราะจะเป็นปัญหาอย่างมากสำหรับผู้เริ่มตัดเป็นใหม่    ดังนั้นควรเลือกใช้ผ้าพื้นสีเรียบ     ก่อน

เสื้อผ้าเกาหลี พรีออเดอร์

♥♥จำหน่ายและพรีออเดอร์เดรส​น่ารักๆ เสื้อคลุมคาร์ดิแกน สูทรัดรูป พร้อมเสื้อผ้านำเข้าจากเกาห​ลี ฮ่องกง ไต้หวัน สนใจสอบถามรายละเอียด 081-8307797 หรือ aew2shop@gmail.com นะค่ะ ^^♥♥